วันพุธที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐

ส่งงานการใช้คำที่กำหนดให้แต่งประโยค

          ฉันชื่อแป้งเป็นเด็กสาวต่างจังหวัดเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ด้วยความที่เป็นคนบ้านนอกคอกนา ทำให้ฉันมักจะโดนดูถูกจากเพื่อนๆเสมอ ว่าเป็นคนบ้านนอก ไม่รู้จักของBrandname จริงๆแล้วฉันก็เคยสงสัยเหมือนกัน ว่าการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ซื้อของมาอวดกันของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย มันน่าภูมิใจตรงไหน ฉันเคยเห็นบางคนอยู่บ้านเก่าๆโกโรโกโส แต่พอจะออกมาข้างนอกก็แต่งหน้าทาปากหิ้วกระเป๋าๆแพงๆ แล้วก็มาคอยดูถูกคนอย่างเธอ แต่แป้งก็ยังมีเพื่อนคนนึง ชื่อคำหล้า
แค่ชื่อก็คงไม่ต้องบอกมั้งค่ะว่าเป็นคนต่างจังหวัด คำหล้า เป็นคนโพงพางไม่ค่อยมีมารยาทพูดอะไรพูดตรงๆไม่มามัวแต่สำบัดสำนวนให้เสียเวลา คำหล้าเป็นนักเรียนทุนเหมือนฉัน ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ดีกว่ากันนัก เธอเล่าว่าพ่อเธอเป็นคนสำมะเลเทเมา วันๆ ไม่ค่อยทำอะไร มีแต่แม่เธอที่ทำงานหาเงินส่งเธอและน้องๆเรียน ด้วยความยากจน ครอบครัวเธอจึงต้องระหกระเหิน มาหากินอยู่ในเมืองหลวง คำหล้าเคยพูดกับฉันว่าคำหล้าไม่ค่อยอยากกลับบ้าน ที่บ้านน่าเบื่อ มีน้องเล็กๆที่ร้องกระจองอแง เสียงดัง แม่ของเธอก็บ่นกระปอดกระแปดทั้งวัน
บ้านมีแต่ความวุ่นวาย ทำให้เธอไม่อยากกลับ วันนี้คำหล้าพยายามชวนฉันไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก แต่ฉันไม่กล้าไปกลัวจะทำอะไรไม่ถูกจนทำให้เพื่อนๆไฮโซของเธอดูถูกอีก แต่ในที่สุดคำหล้าก็คะยั้นคะยอจนฉันใจอ่อนจนได้ วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันจะเถลไถลไม่กลับที่พักเป็นครั้งแรก


เมื่อถึงเวลานัดฉันไปหาคำหล้าที่โรงอาหาร เมื่อไปถึงเห็นคำหล้านั่งแทะน่องไก่ คำหล้าเป็นคนที่ไม่ค่อยเรียบร้อยเหมือนผู้หญิงทั่วไปเธอชอบทานตะกรุมตะกราม ซึ่งฉันก็เคยเตือนไปหลายครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม แต่ดูไปดูมาก็ตลกดีเหมือนกัน เมื่อคำหล้าเห็นฉันเธอก็รีบเก็บของ ฉันส่งกระดาษให้เธอเช็คปาก คำหล้ารีบรับไปเธอจะทำทั้งสามอย่างพร้อมๆกัน ทำให้เธอละล้าละลัง ทำอะไรไม่ถูก ฉันเลยคว้ากระดาษมาบอกให้คำหล้าทานให้หมด แล้วค่อยเช็ดปาก แล้วก็เก็บของ จะได้ไปขึ้นรถกัน เธอก็ทำตาม  


เมื่อเราขึ้นโดยสารรถแล้วดูคำหล้านั่งกระสับกระส่าย ดูเธอกระเหี้ยนกระหือรือที่จะไปเที่ยวเสียนี่กระไร ฉันเลยถามว่าเธอเคยไปเที่ยวมาแล้วหรือยัง คำหล้ายิ้มอายๆ ทำท่ากระมิดกระเมี้ยน แล้วก็ส่ายหัว เธอบอกไม่กล้าไป ชวนใครก็ไม่มีใครยอมไปกับเธอ พึ่งจะมีฉันนี้แหละที่ยอมมาด้วย สรุปว่าเราไม่เคยไปด้วยกันทั้งคู่ ตายล่ะจะเป็นยังไงล่ะทีนี้


 


เมื่อไปถึงเราสองคนเดินดูโน่นดูนี้ไปเรื่อย เรียกดูว่าเดินตุหรัดตุเหร่ เร่ร่อนกันไปไม่มีจุดหมาย เอเดี๋ยวก่อน เมื่อกี้เราเดินมาจากทางไหนนะพยายามนึกทางที่เดินมา จึงถามคำหล้า ว่าจำได้ไหมเมื่อกี้เราเดินมาจากทางไหน คำหล้าทำหน้าเลิกลั่ก ส่ายหัวไปมาอย่างกับพัดลมตั้งโต๊ะ เอาไงทีนี้ พูดขึ้นมาลอยๆกับตัวเอง คำหล้าออกความคิดเห็นว่าถามเจ้าหน้าที่ดีไหม ฉันเห็นด้วย จึงเดินไปหาพนักงาน เพื่อจะถามทาง ด้วยความอายทำให้เราสองพูดตะกุกตะกัก กว่าจะรู้เรื่องก็อายแทบแย่ในระหว่างที่กำลังเดินกลับ ฉันก็สังเกตุเห็นผู้หญิงคนนึงกำลังทะเลาะกับผู้ชายคนนึง
ฉันคิดว่าคนเป็นแฟนของผู้หญิงคนนั้น ดูลักษณะผู้ชายคนนั้นผอมสูง ดูสะโอดสะอง แต่ตอนนี้คงจะหัวเสียน่าดูเพราะผู้หญิงกระเง้ากระงอดใส่ ผู้ชายพยายามปลอบ ก็สะบัดสะบิ้งเล่นตัวตลอด จนผู้ชายทนไม่ไหวก็เลยเดินหนีไปเลย ผู้หญิงกรี๊ดใหญ่เลย ผู้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พากันหันมามองกันใหญ่ แล้วคุณเธอก็วิ่งตามไปอย่างเร็วจนไปชนกับพนักงานที่หอบของพะรุงพะรังมาตกเต็มพื้น แต่เธอก็ไม่สนใจวิ่งออกไปเลย พวกเราเลยกุลีกุจอช่วยพนักงานคนนั้นเก็บของที่พื้นกันค่ะ เสร็จแล้วก็กลับห้องพักอย่างปลอดภัย เหนื่อยน่าดูแต่ก็สนุกดีค่ะ
อ้อเราซื้อของมาทำกับข้างทานกันสองคนที่ห้องพักด้วยค่ะ โดยที่คำหล้าอาสาทำยำหมูยอให้กิน แต่ดูลักษณะการทำแล้วไม่เหมือนปรุงอาการเลย เหมือนเอาเครื่องปรุงแต่ล่ะอย่างมาปู้ยี้ปู้ยำใส่รวมๆกันมากกว่าค่ะ

๒ ความคิดเห็น:

cool writer กล่าวว่า...

จริงแล้ว...ที่ทำใน class ถูกต้องแล้ว คือเขียนเป็นเรื่อง โดยใช้คำที่กำหนดให้ ผูกกันเป็นเรื่อง

อย่างไรก็ดี ทำเป็นประโคยๆ ก้สามารถเห็นได้ชัดว่า แต่งประโยคมาเหมาะสม หรือเข้าใจความหมายของ วลี หรือ กิรืยานั้นดีแค่ไหน...

ตัวอย่างเช่น..
6.ฉันเห็นเสื้อสวยตัวหนึ่งเลยเข้าไปชม แต่ก็โดนแม่ค้าคะยั้นคะยอให้ซื้อจนได้
...ถ้า เห็นสวย การถูกคะยั้นคะยอคงจะคล้อยตามได้โดยง่าย แต่ถ้า ไม่ชอบแต่ถูกชัดชวนเชิงบังคับก็คงจะให้ความหมายคำนี้ได้ดีกว่า

7.เดี๋ยวนี้ข่าวในสื่อต่างๆ จะมีเรื่องผู้หญิงโดนทำปู้ยี่ปู้ยำให้ชอกช้ำใจกันมาก
...แสดงว่าโดนกันเกือบทุกคน เลยมีส่วนหนึ่งเกิดชอกช้ำใจ...ผม เห็นว่า มันออกจะเป็นสองความหมาย จริงแล้ว คนอ่านเกิดความรู้สึกขึ้น ซึ่งออกจะมีความตั้งใจให้ความสำคัญกับคนอ่านหนังสือมากกว่า คนโดนกระทำ...

10.ฉันนั่งทานอาหารอยู่ เห็นคนที่ร่วมโต๊ะด้วยเขาทานอาหาร ตะกรุมตะกราม มากเหมือนไม่เคยทานมาก่อน
....ถ้าใช้คำว่า ไม่เคยพบเคยเห็น แทนคำว่า เหมือนไม่เคยทานมาก่อน คงเหมาะกว่า และที่สำคัญ การละว่า ทาน แปลว่า หรือหมายความว่า รับประทาน มันไม่มีความหมายในพจนานุกรมนะ...จะกินก็กินไปเลย อย่า สุภาพแบบไม่มีคำศัพท์ คำนั้นอยู่ แต่เข้าใจย่อเอากันเอง...

ข้ออื่นๆ ก็ยังมีข้อสงสัยอยู่...นะ เพียงแต่ ไปเขียนเป็น ย่อหน้า เป็นเรื่องมาดีไหม...ผูกเรื่องให้สนุก

อ. สุรชัย

พี่ยุทธ กล่าวว่า...

แก้แล้วค่ะ ขอบพระคุณนะค่ะ